กราฟนี้บอกอะไรเราได้บ้าง?...พื้นที่สีเหลือง คือ พื้นที่ที่เกิดภาวะอุปสงค์ส่วนขาด/อุปทานส่วนเกิน (ของล้นตลาด) ส่วนสีฟ้า คือ พื้นที่เกิดภาวะอุปสงค์ส้่วนเกิน/อุปทานส่วนขาด (ของขาดตลาด) คำนี้แหละที่นักเรียน งง ตลอดเลย 5555+
เส้นสีชมพู เป็นเส้นที่เราลากขึ้นมาเพื่อให้เด็ก ๆ มองออกว่า อุปสงค์ขาด อุปทานเกิน อุปทานขาด อุปสงค์เกิน มองยังไง
ตัวอย่าง พื้นที่สีเหลือง ที่ราคา 25,000 บาท อุปสงค์(เขียว) ปริมาณ 20 ไปไม่ถึง เส้นชมพู แปลว่า อุปสงค์ขาด ขณะที่ อุปทาน(แดง) ปริมาณ 150 เกินเส้นสีชมพูไป ดังนั้น ที่ราคา 25,0000 บาท เกิดภาวะอุปสงค์ส่วนขาด/อุปทานส่วนเกิน (ของล้นตลาด) อุปทานจากคนขายออกมาขาย 150 เครื่อง แต่อุปสงค์มีกำลังซื้อในปริมาณ 5 เครื่อง ทำให้เหลืออีก 145 เครื่อง เพราะมองว่าสินค้าราคา แพง (เป็นไปตามกฎอุปสงค์และอุปทาน)
พื้นที่สีฟ้า ที่ราคา 5,000 บาท อุปสงค์(เขียว) ปริมาณ 100 เกินเส้นชมพู แปลว่า อุปสงค์เกิน ขณะที่ อุปทาน(แดง) ปริมาณ 10 ไปไม่ถึงสีชมพู ดังนั้น ที่ราคา 5,0000 บาท เกิดภาวะอุปสงค์ส่วนเกิน/อุปทานส่วนขาด (ของขาดตลาด) อุปทานจากคนขายออกมาขาย 10 เครื่อง แต่อุปสงค์มีกำลังซื้อมากในปริมาณ 100 เครื่อง ทำให้เหลืออีก 90 เครื่อง เพราะคนซื้อมองว่าสินค้าราคา ถูก จึงต้องการมาก แต่คนขายมองว่า ราคาถูกเกินไปจึงนำออกมาขายน้อย (เป็นไปตามกฎอุปสงค์และอุปทาน)
จุดตัด เกิดภาวะ ดุลยภาพ คือ คนซื้อกับคนขายสามารถตกลงราคากันได้ที่ราคา 16,000 บาท ปริมาณซื้อขาย 60 เครื่อง สินค้าหมดพอดี (ตามทฤษฎี)